กรอบแนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ กนอ.
1. แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้นำแนวคิดและหลักการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมาเป็นหลักในการพัฒนากรอบการพัฒนายกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศใน 5 มิติ 22 ด้าน และได้สรุปหลักการของการพึ่งพาอาศัยกันไว้
หลักการ | รายละเอียด |
1. ลดปริมาณของเสียโดยหลัก3Rs | การนำของเสีย วัสดุเหลือใช้ พลังงาน จากโรงงานหนึ่งมาเป็นวัตถุดิบของอีกโรงงานหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากร พลังงาน และ ลดปริมาณของเสียให้เหลือน้อยที่สุด |
2. การปิดวงจรการไหล (close loop)/ การสร้างสมดุลของสารขาเข้าและสารขาออก/ การสร้างสมดุลการไหลเข้า-ออกของวัสดุ (balance input output/material Flow) |
การพยายามปิดวงจรของการใช้ทรัพยากร พลังงาน และลดการปลดปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยพยายามการสร้างสมดุลของสารขาเข้าและสารขาออกของแต่ละโรงงาน แต่ละนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงได้โดย Block Flow Diagram ของวัสดุ/ทรัพยากร ของเสีย และผลิตภัณฑ์พลอยได้ เพื่อให้เห็นถึงความสมดุลของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Plant) |
3. การเสริมสร้างกิจกรรม ความร่วมมือต่าง ๆ (sharing activities) |
การเสริมสร้างกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ (sharing activities) ระหว่างโรงงาน ทั้งในนิคมอุตสาหกรรม เดียวกันและระหว่างนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือเกื้อกูลพึ่งพาซึ่งกันตามหลักการพึ่งพาอาศัยกัน (symbiosis) |
ลำดับขั้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมเริ่มจากการพัฒนาภายในสถานประกอบการ หรือโรงงานโดยนำแนวคิดหลักของนิเวศวิทยาอุตสาหกรรมมาใช้ และพัฒนาจากระดับโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประกอบการเดียวกัน (zone/estate) เพื่อพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมที่สอดคล้องกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเชิงพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างโรงงานต่าง ๆ ในพื้นที่กับสิ่งแวดล้อมโดยรวมและระบบนิเวศท้องถิ่น และขยายตัวไปสู่การเชื่อมต่อกันระหว่างนิคมหลายนิคมในเขตอำเภอ จนกระทั่งเป็นระดับจังหวัด โดยมีภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ชุมชน วัด บ้าน โรงเรียน ที่สามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวคิดการประหยัดพลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการอุปโภคและบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กล่าวได้ว่า การพัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) หรือเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม เป็นเมืองหรือพื้นที่ซึ่งมีการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยให้มีความเชื่อมโยงของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม หรือชุมชนอุตสาหกรรมกับกลุ่มโรงงาน องค์กร หน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนโดยรอบ ให้เจริญเติบโตไปด้วยกัน ภายใต้การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดี และการร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างจริงจังของคนในพื้นที่ โดยสามารถดำเนินการได้ทุกระดับตั้งแต่ ระดับปัจเจกชน เช่น ครอบครัวและโรงงาน (eco family / eco factory) เป็นต้น ระดับกลุ่มอุตสาหกรรมหรือชุมชน เช่น นิคมอุตสาหกรรมหรือหมู่บ้านหรือตำบล (eco industrial zone / estate) ระดับเมือง (eco town / eco city) หรือเครือข่ายของเมืองหรือจังหวัด
แนวคิดของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศนับเป็นการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมและชุมชนโดยสร้างความสมดุลระหว่างปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนในท้องถิ่น
สิ่งที่เห็นได้อย่างเด่นชัดสำหรับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศคือ การลดการทิ้งหรือการปลดปล่อยของเสียออกจากโรงงานโดยการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องลดของเสียที่ออกจากนิคมอุตสาหกรรม โดยเพิ่มกลไกการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการของเสียจากโรงงานหนึ่ง ๆ ไม่ว่า จะเป็นของเสียอันตรายหรือไม่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม หากมีการกำจัดอย่างผิดวิธี นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมและนักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมจึงมีแนวคิดที่จะลดปริมาณการทิ้งหรือการกำจัดของเสียเหล่านี้ โดยการจัดทำระบบการแลกเปลี่ยนของเสีย (waste exchange) กล่าวคือ เป็นการส่งต่อหรือแลกเปลี่ยนของเสียซึ่งไม่มีค่าสำหรับโรงงานหนึ่งไปเป็นวัตถุดิบสำหรับอีกโรงงานหนึ่งภายในเมืองอุตสาหกรรมนั้น ๆ เพื่อลดการทิ้งและการกำจัดของเสียในภาพรวมของสวนอุตสาหกรรมให้ได้มากที่สุด นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมยังได้มีการมองโรงงานอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ ในลักษณะของเครือข่ายขององค์กรที่สามารถเชื่อมโยง ส่งต่อหรือแลกเปลี่ยนทรัพยากรการผลิต หรือผลพลอยได้ในการผลิตต่าง ๆ ระหว่างกันได้ ทั้งนี้สามารถกล่าวได้ว่า เป้าหมายสูงสุดของการจัดทำเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศคือ การนำหลักการของ 3Rs (reduce reuse recycle) มาใช้ให้เห็นเป็นรูปธรรม ตัวอย่างของประโยชน์ที่ได้จากการจัดการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ได้แก่
2. การพัฒนาข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
ใน พ.ศ. 2553 กนอ. ได้เริ่มต้นพัฒนาและจัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดฯ เป็น 5 มิติ 24 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย 1) มิติทางกายภาพ 2) มิติทางเศรษฐกิจ 3) มิติทางสิ่งแวดล้อม 4) มิติทางสังคม และ 5) มิติทางการบริหารจัดการ รวมถึงคุณลักษณะ/องค์ประกอบของการพัฒนา/แนวทางการพัฒนาสำหรับแต่ละด้าน โดยมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม “เดินหน้าประเทศไทย ก้าวไกลสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” เมื่อวันอังคารที่ 7 กันยายน 2553 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค กรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่นโยบายและแนวคิดในการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (eco-industry development) และร่วมกันกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไทยที่จะมุ่งสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศโดยระดมความคิดเห็นร่วมกันต่อข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศใน 5 มิติ 24 ด้าน เพื่อให้ได้แนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนและครบถ้วน ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/สวนอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนผู้สนใจอื่น ๆ เข้าร่วมประชุมซึ่งถือว่า เป็นนิมิตหมายอันดีในการร่วมบูรณาการแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจากทุกภาคส่วน
ภายหลังจากการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ เมื่อวันอังคารที่ 7 กันยายน 2553 กนอ. ได้ระดมสมองร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อทบทวนข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในมิติต่าง ๆ ให้เหมาะสมพร้อมทั้งมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนใน 5 มิติ จากนั้น กนอ. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมกันจัดสัมมนา เรื่อง “อุตสาหกรรมก้าวไกล ไทยเข้มแข็ง ด้วยอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนต่อตัวชี้วัด โดย กนอ. และ กรอ.ร่วมกันสรุปผลระดมข้อคิดเห็นจากการสัมมนาเพื่อจัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ใน 5 มิติ 22 ด้านแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554
"กนอ. สรุปทบทวนตัวชี้วัดดังกล่าวใน 5 มิติ 22 ด้าน และเชื่อมโยงกับมาตรการ/แนวทางในการพัฒนา ได้เป็นข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ใน 5 มิติ 22 ด้านของ กนอ. แล้วเสร็จ เมื่อเดือนมีนาคม 2554"
ในปี 2555 กนอ. ได้ทบทวนข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้สภาพการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่น การกำหนดนโยบายอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry; GI) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาเข้าสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับโรงงานเป็นไปอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ความตระหนักของทุกภาคส่วนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการร่วมคิด ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ เป็นต้น ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จึงสามารถทบทวนและจัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยการทบทวนครั้งนี้ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ ดังนี้
คุณลักษณะของเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
ข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐานและตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปี 2560 ครอบคลุมใน 5 มิติ 22 ด้าน 31 ตัวชี้วัด
การพัฒนาและยกระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
นิคมอุตสาหกรรมที่จะพัฒนาและยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” มีข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐานการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเบื้องต้นใน 3 ข้อ ดังนี้
ทั้งนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดทำเกณฑ์การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็น 3 ระดับ ดังภาพที่ 2.9 เพื่อยกระดับและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศตามวิสัยทัศน์ของ กนอ. ดังนี้
ระดับที่ 1 “อีโค-แชมเปียน (Eco-Champion)” หมายถึง นิคมอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างผาสุก บนหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม โดยนิคมอุตสาหกรรมจะต้องนำข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐานและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ Eco-Champion ประกอบด้วย 5 มิติ 31 เกณฑ์ตัวชี้วัด มาเป็นกรอบมาตรฐานในการเปรียบเทียบ เพื่อกำหนดประเด็นและทิศทางการพัฒนาในแผนแม่บทพัฒนายกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
ระดับที่ 2 “อีโค-แอกเซลเลนซ์ (Eco-Excellence)” หมายถึง นิคมอุตสาหกรรมที่สามารถ “พัฒนาและยกระดับ” คุณภาพชีวิตชุมชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืนบนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยความร่วมมือ การพึ่งพาซึ่งกันและกัน และการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันของผู้ประกอบการ หน่วยงานของรัฐ และชุมชน เพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ส่วนรวมร่วมกัน โดยการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ระดับ Eco-Excellence นิคมอุตสาหกรรมต้องผ่านการประเมินด้วยตัวชี้วัดระดับ Eco-Champion ทุกด้าน โดยข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐานและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence ประกอบด้วย 5 มิติ 9 เกณฑ์ตัวชี้วัด
ระดับ 3 “อีโค-เวิลด์คลาส (Eco-World Class)” หมายถึง นิคมอุตสาหกรรมที่สามารถเป็น “ผู้นำ” ในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นที่พึ่งของชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ระดับ Eco-World Class นิคมอุตสาหกรรมต้องผ่านการประเมินด้วยตัวชี้วัดระดับ Eco-Champion และระดับ Eco-Excellence ทุกด้าน โดยข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐานและเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-World Class ประกอบด้วย 5 มิติ 7 เกณฑ์ตัวชี้วัด
โดยระดับ Eco-Champion ถือเป็นขั้นแรกของการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate and Networks) สำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องการยกระดับมาตรฐานของการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สามารถไต่ระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจากระดับ Eco-Champion สู่ระดับ Eco-Excellence และ Eco-World Class ตามลำดับ
3. กระบวนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในระดับองค์กร นำไปสู่กระบวนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศได้ ดังนี้
นิคมอุตสาหกรรมต้องแสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาโดยการเตรียมความพร้อมนิคมอุตสาหกรรมที่จะพัฒนาและยกระดับ “นิคมอุตสาหกรรม” สู่ “เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” โดยมีข้อกำหนดคุณลักษณะมาตรฐาน 3 ขั้นตอน ได้แก่
นิคมอุตสาหกรรมแสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาตาม 3 ขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว นิคมอุตสาหกรรมจะต้องประเมินสถานภาพและวิเคราะห์ตนเอง เพื่อดำเนินการพัฒนาแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน 5 มิติ 22 ด้าน โดยแบ่งกระบวนการออกเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่
ขอบคุณสำหรับการแจ้งข้อผิดพลาด
ทางหน่วยงานจะรีบทำการแก้ไข และปรับปรุงเพื่อกาให้บริการที่ดีขึ้น